การศึกษาเริ่มขึ้นมาพร้อมๆ กับที่มนุษย์อุบัติขึ้นมาในโลก มนุษย์รู้จักพิศวงสงสัยในสรรพสิ่งรอบตัวก็พยายามค้นหาคำตอบและความหมายของสิ่งเหล่านั้นเพื่อสนองความอยากรู้อยากเห็นแล้วนำความรู้ ความเข้าใจและประสบการณ์นั้นมาปรับปรุงแก้ไขปัญหาการดำเนินชีวิตของตนและหมู่คณะในสังคม นอกจากนี้ ยังมีการถ่ายทอดความรู้ ความเข้าใจ ตลอดจนประสบการณ์ทั้งหลายทั้งมวลให้แก่สมาชิกใหม่เรื่อยมา เพื่อทุ่นเวลาและหลีกเลี่ยงการลองผิดลองถูกในเรื่องเดียวกันที่คนรุ่นก่อนได้ค้นพบแล้ว อย่างไรก็ดี เมื่อวันเวลาผ่านไปสภาพสังคมเปลี่ยนไป กล่าวคือ สังคมมีความสลับซับซ้อนขึ้นพร้อมๆ กับความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเจริญก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วและมากมาย การให้การศึกษาซึ่งสถาบันครอบครัวเคยรับผิดชอบอยู่ย่อมไม่สอดคล้องกับสภาพสังคมสมัยใหม่ จึงมีการจัดตั้งสถาบันการศึกษาขึ้นเพื่อทำหน้าที่ดังกล่าว โดยเฉพาะซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้บางคนเข้าใจเพียงแคบๆ ว่า การศึกษาคือการเรียนหนังสือหรือการไปโรงเรียน แท้จริงการศึกษามีความหมายมากกว่านั้น เนื่องจากในชีวิตจริงคนเราสารถรับการศึกษาได้จากแหล่งอื่นนอกเหนือจากโรงเรียน เช่น จากบ้านวัด โรงงาน ห้องสมุด หนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์หรือแม้แต่ข้างถนนหนทาง และไร่นาป่าเขา การศึกษาที่แท้จริงคือกระบวนการต่อเนื่องตลอดชีวิต นับแต่เกิดจนตายทีเดียว
การศึกษาตลอดชีวิตจึงเป็นกระบวนการทุกอย่างที่จัดให้มีหรือจัดหาโอกาสให้บุคคลได้เรียนรู้ เพื่อช่วยหล่อหลอมชีวิตจิตใจและความสามารถของมนุษย์ ทั้งนี้เพราะบุคลิกภาพและความรู้สึกนึกคิดของมนุษย์มักถูกกำหนดโดยปัจจัยหลายอย่าง เช่น บิดา มารดา สังคม ศาสนา ระบบกรปกครอง สภาพฟ้าดินฟ้าอากาศ สื่อมวลชนและสิ่งแวดล้อมทั้งหลายทั้งปวง การศึกษาจึงเกิดขึ้น ไม่มีวันสิ้นสุด เริ่มตั้งแต่เกิดจนตาย ทุกสิ่งทุกอย่างที่หล่อหลอมร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และความคิดของมนุษย์ล้วนอยู่ในการศึกษาทั้งสิ้น เป็นการศึกษาจากประสบการณ์ทั้งหมดของชีวิต การศึกจึงมิได้จำกัดอยู่เฉพาะแต่ในนอย่างผสมกัน ทั้งนี้ เพื่อที่จะถ่ายทอดความรู้และคุณธรรมที่สังคมเห็นว่ามีความจำเป็นเป็นสิ่งที่ดีงามสำหรับการเป็นสมาชิกที่ดีของสังคม นอกเหนือจากการให้ความรู้และทักษะต่างๆ เพื่อเตรียมบุคคลสำหรับการประกอบอาชีพ ดังนั้น การจัดการศึกษาตามแนวคิดของการศึกษาตลอดชีวิตมีลักษณะทั้งเป็นการศึกษาตามธรรมดาวิสัย (lmormal Education) การศึกษาในระบบ(Formal Education) และการศึกษานอกระบบโรงเรียน (Nonfomal Education) การศึกษาทั้งสามลักษณะที่กล่าวมานี้มีความสัมพันธ์และส่งเสริมสนับสนุนซึ่งกันและกัน ทุกคนทุกวัยมีคนโอกาสได้รับศึกษาไม่วิธีใดก็วิธีหนึ่งเสมอ
สรุปว่าการศึกษาตลอดจนชีวิตเป็นกระบวนการต่อเนื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่มนุษย์เกิดจนตายที่จัดให้มีการถ่ายทอดความ ทักษะ
และคุณธรรมที่เป็นความจำเป็นของสังคมด้วยกิจกรรมหลายๆ อย่างผสมกันและจัดไว้ในที่ต่างๆ กัน โดยมีรูปแบบต่าง ๆ ทั้งในลักษณะที่เป็นระบบ ไม่มีระบบ
และนอกระบบโรงเรียน ทั้งนี้ มุ่งให้ผู้เรียนได้เกิดการเรียนรู้ได้ทุกเวลา ทุกสถานที่
และทุกโอกาสโดยไม่จำกัดวัย
วุฒิ
และคุณสมบัติส่วนบุคคล
เพื่อให้คนได้พัฒนาตนทั้งด้านอาชีพส่วนตนและการเป็นสมาชิกที่ดีของสังคม เท่ากับเป็นการสร้างคุณค่ามนุษย์
ลักษณะวิธีให้มีการศึกษาเพื่อการศึกษาตลอดชีวิตนั้นมีได้3ลักษณะดังนี้
1. การศึกษาตามธรรมดาวิสัย (Informal Education)
การศึกษาลักษณะนี้เป็นไปอย่างไม่เป็นทางการ
เป็นการเรียนรู้เองอยู่ทุกเวลาจากสิ่งแวดล้อม
จากสิ่งที่มีอยู่สิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมและตามธรรมชาติ
ทุกคนในสังคมย่อมได้รับการศึกษาตามธรรมชาตินับตั้งแต่เกิดจนตาย แหล่งการศึกษาลักษณะนี้คนเราได้รับจากพ่อ-แม่พี่น้องเพื่อนฝูง
หนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์
ภาพยนตร์ตามท้องไร่ท้องนาป่าเขา
โดยลักษณะที่ว่านี้รัฐหรือสังคมหรือบุคคลมิได้จัดตั้งขึ้นอย่างเป็นกิจลักษณะ ไม่มีการจัดเป็นแต่ละคน แม้แต่ล่ะบุคลระบบ ไม่มีแบบแผน
แต่มีความสำคัญเป็นอย่างมากในการเรียนรู้ทั้งหมดของบุคคลแต่ละคน
แม้แต่บุคคลที่ถือว่าเป็นผู้เข้าโรงเรียนแล้ว
การศึกษาจึงเป็นกระบวนการศึกษาตลอดชีวิตที่บุคคลได้รับและสะสมความรู้ ทักษะเจตติ
และความเข้าใจจากประสบการณ์ในชีวิตประวันและสิ่งแวดล้อม
2. การศึกษาในระบบโรงเรียน (Formal Education) การศึกษาลักษณะนี้ รัฐเป็นผู้รับผิดชอบจัดตั้งโดยมีสถาบันการศึกษาเป็นผู้รับผิดชอบ โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะสร้างพลเมืองให้มีคุณลักษณะและความรู้ความสามารถตามทีวางแผนไว้ มีระเบียบและกำหนดกฎเกณฑ์การเข้าการออก การเรียน ระยะเวลาเรียน การวัดผลและประเมินผล ตลอดจนระเบียบต่าง ๆ ระบุไว้แน่ชัดสำหรับฝึกถือปฏิบัติ ลักษณะวิธีการศึกษาแบบนี้ สถาบันการศึกษาเป็นสถาบันทางสังคมที่เป็นที่ยอมรับกันทั่วในแง่ความเชื่อและในแง่ตัวบทกฎหมาย
3. การศึกษานอกระบบโรงเรียน (Non-formal Education) การศึกษาลักษณะนี้มีผู้รับผิดชอบจัดขึ้น โดยมีความมุ่งหมายให้คนได้รับความรู้และประสบการณ์เพิ่มเติม หรือจัดให้เฉพาะผู้ที่ประสงค์จะเรียนตามความต้องการ ความสนใจ และความสะดวกของผู้เรียน ซึ่งอาจจัดในรูปมีระบบและระเบียบแผนแต่ไม่เคร่งครัดอย่างการศึกษาในระบบโรงเรียน การศึกษานอกระบบโรงเรียนในลักษณะนี้ ได้แก่ การจัดการศึกษาผู้ใหญ่ การฝึกการอบรม การศึกษาอาชีพระยะสั้น การสอนบทเรียนทางวิทยุและโทรทัศน์ เป็นต้น โดยมุ่งให้รู้จักแก้ปัญหา ฝึกอาชีพ หรือพัฒนาความรู้เฉพาะตามความสนใจของพลเมือง
วิจิตร ศรีสอ้าน กล่าวว่าผลของการฝึกแนวความคิดเรื่องการศึกษาตลอดชีวิตเป็นหลักในการจัดการศึกษา นอกเหนือจากการก่อให้เกิดการขยายขอบเขตและแนวการจัดการศึกษาแล้ว ยังก่อให้เกิดวิธีการใหม่ทางการศึกษาอีกหลายอย่างที่สำคัญ คือ การจัดการศึกษาระบบเปิด (Open Education) ที่ใช้การศึกษาทางไกล (Distance Education) ซึ่งกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วในประเทศต่างๆ ทั่วโลก เนื่องจากวิทยาการก้าวหน้าเป็นปัจจัยเกื้อกูลชีวิต สมาชิกของสังคมที่ใฝ่ความก้าวหน้าจำเป็นต้องอาศัยการศึกษาในรูปแบบต่างๆ เทคโนโลยีสมัยใหม่กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในอันที่จะเกื้อกูลกิจกรรมการศึกษาตลอดชีวิต มหาวิทยาลัยเปิดจึงเกิดขึ้น เป็นการขยายโอกาสทางการศึกษาของผู้ใหญ่ โดยการใช้การศึกษาระบบเปิด จึงได้มีการจัดตั้งสถาบันอุดมศึกษาที่ใช้ระบบการสอนทางไกล โดยอาศัยสื่อประสมขึ้นเป็นการเฉพาะ
นอกจากลักษณะวิธีให้การศึกษาที่กล่าวมาข้างต้น 3 ลักษณะใหญ่ๆ แล้วยังมีลักษณะอื่นๆ ที่ไม่อาจจัดเข้าไว้ในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งใน 3 ลักษณะ แต่มีความเฉพาะในการจัดการศึกษา คือ การศึกษาผู้ใหญ่ การศึกษาต่อเนื่อง การศึกษาภาคขยาย การศึกษาชุมชน การศึกษาต่อ มูลสารศึกษาและการศึกษาตลอดชีวิตที่มีความหมายเฉพาะ ดังนี้
การศึกษาผู้ใหญ่ (Adult Education) คือ ประสบการณ์การเรียนรู้ทั้งหลายที่จักขึ้นให้แก่ประชนที่พ้นเกณฑ์บังคับตามพระราชบัญญัติประถมศึกษานอกระบบการเรียนในโรงเรียนภาคปกติ
การศึกษาต่อเนื่อง (Continuing Education) เป็นกิจกรรมการศึกษาที่จัดขึ้นสำหรับประชากรที่ได้รับการศึกษาระดับใดระดับหนึ่งหรือในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งและกิจกรรมทางการศึกษาให้บุคคลนั้นสามารถศึกษาต่อเนื่องได้ตามแนวคิดการศึกษาตลอดชีวิต
การศึกษาภาคขยาย (Extension Education) หมายถึง กิจกรรมการศึกษาที่จัดขึ้นเป็นภาคขยายของการการศึกษาในระบบโรงเรียนให้แก่ประชนที่อยู่นอกอาณาบริเวณสถาบันการศึกษา
การศึกษาชุน (Community Education) คือ แนวคิดทางการศึกษาที่มีวัตถุประสงค์ในการกระตุ้นและแนะแนวทางให้ชุมชนช่วยตนเองให้เกิดการพัฒนาชุมชนอย่างสมดุลในทุก ๆ ด้าน
การศึกษาต่อ (Further Education) หมายถึง การศึกษาต่อซึ่งส่วนมากเป็นการศึกษาต่อในระบบโรงเรียน
มูลสารการศึกษา (Fundamental Education ) หมายถึง การศึกษาสายสามัญต่ำสำหรับประเทศที่กำลังพัฒนา
การศึกษาตลอดชีวิต (Lifelong Education) คือ การศึกษาจัดโดยไม่จำกัดเวลาและสถานที่ เป็นการศึกษาที่ต้องเป็นหลักในการจัดการศึกษานอกระบบโรงเรียนให้มากขึ้นโดยไม่คำนึงถึงว่าจะจัดที่ไหน เมื่อไร และอย่างไรเป็นการศึกษาที่ไม่เน้นเฉพาะทางวิชาการเท่านั้น แต่รวมถึงการศึกษาด้านอาชีพการอยู่ดีกินดี การพัฒนาด้านการรักสวยรักงาม การใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจด้วย
จะเห็นได้ว่าลักษณะของการศึกษาในวิธีและรูปแบบต่าง ๆ กับที่กล่าวมาทั้งหมดนี้จัดอยู่ในแนวความคิดของการศึกษาตลอดชีวิตได้ ไม่ว่าจะจัดอย่างมีระบบแผนหรือไม่มีระบบและไม่ว่าจะมีการศึกษาในสถาบันการศึกษาหรือไม่มีสถาบันการศึกษาก็ในตาม จุดเน้นของการศึกษาทั้งหมดจะอยู่ที่การดำรงชีวิตได้อย่างดีสังคมและสามารถสร้างคุณภาพชีวิตได้ด้วยดี ซึ่งเป็นแก่นของการศึกษาตลอดชีวิตนั่นเอง กล่าวคือ การศึกษาไม่อาจอยู่ในกรอบจำกัดแห่งเวลาและสถานบันที่ได้อีกต่อไป นั่นคือ การศึกษาคือการเรียนรู้ไม่ว่าที่ไหน เมื่อไร หรือด้วยวิธีการใด ๆ ก็ได้ จึงถือเป็นกระบวนการต่อเนื่องตั้งแต่มนุษย์เกิดไปจนกระทั่งตาย
2. การศึกษาในระบบโรงเรียน (Formal Education) การศึกษาลักษณะนี้ รัฐเป็นผู้รับผิดชอบจัดตั้งโดยมีสถาบันการศึกษาเป็นผู้รับผิดชอบ โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะสร้างพลเมืองให้มีคุณลักษณะและความรู้ความสามารถตามทีวางแผนไว้ มีระเบียบและกำหนดกฎเกณฑ์การเข้าการออก การเรียน ระยะเวลาเรียน การวัดผลและประเมินผล ตลอดจนระเบียบต่าง ๆ ระบุไว้แน่ชัดสำหรับฝึกถือปฏิบัติ ลักษณะวิธีการศึกษาแบบนี้ สถาบันการศึกษาเป็นสถาบันทางสังคมที่เป็นที่ยอมรับกันทั่วในแง่ความเชื่อและในแง่ตัวบทกฎหมาย
3. การศึกษานอกระบบโรงเรียน (Non-formal Education) การศึกษาลักษณะนี้มีผู้รับผิดชอบจัดขึ้น โดยมีความมุ่งหมายให้คนได้รับความรู้และประสบการณ์เพิ่มเติม หรือจัดให้เฉพาะผู้ที่ประสงค์จะเรียนตามความต้องการ ความสนใจ และความสะดวกของผู้เรียน ซึ่งอาจจัดในรูปมีระบบและระเบียบแผนแต่ไม่เคร่งครัดอย่างการศึกษาในระบบโรงเรียน การศึกษานอกระบบโรงเรียนในลักษณะนี้ ได้แก่ การจัดการศึกษาผู้ใหญ่ การฝึกการอบรม การศึกษาอาชีพระยะสั้น การสอนบทเรียนทางวิทยุและโทรทัศน์ เป็นต้น โดยมุ่งให้รู้จักแก้ปัญหา ฝึกอาชีพ หรือพัฒนาความรู้เฉพาะตามความสนใจของพลเมือง
วิจิตร ศรีสอ้าน กล่าวว่าผลของการฝึกแนวความคิดเรื่องการศึกษาตลอดชีวิตเป็นหลักในการจัดการศึกษา นอกเหนือจากการก่อให้เกิดการขยายขอบเขตและแนวการจัดการศึกษาแล้ว ยังก่อให้เกิดวิธีการใหม่ทางการศึกษาอีกหลายอย่างที่สำคัญ คือ การจัดการศึกษาระบบเปิด (Open Education) ที่ใช้การศึกษาทางไกล (Distance Education) ซึ่งกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วในประเทศต่างๆ ทั่วโลก เนื่องจากวิทยาการก้าวหน้าเป็นปัจจัยเกื้อกูลชีวิต สมาชิกของสังคมที่ใฝ่ความก้าวหน้าจำเป็นต้องอาศัยการศึกษาในรูปแบบต่างๆ เทคโนโลยีสมัยใหม่กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในอันที่จะเกื้อกูลกิจกรรมการศึกษาตลอดชีวิต มหาวิทยาลัยเปิดจึงเกิดขึ้น เป็นการขยายโอกาสทางการศึกษาของผู้ใหญ่ โดยการใช้การศึกษาระบบเปิด จึงได้มีการจัดตั้งสถาบันอุดมศึกษาที่ใช้ระบบการสอนทางไกล โดยอาศัยสื่อประสมขึ้นเป็นการเฉพาะ
นอกจากลักษณะวิธีให้การศึกษาที่กล่าวมาข้างต้น 3 ลักษณะใหญ่ๆ แล้วยังมีลักษณะอื่นๆ ที่ไม่อาจจัดเข้าไว้ในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งใน 3 ลักษณะ แต่มีความเฉพาะในการจัดการศึกษา คือ การศึกษาผู้ใหญ่ การศึกษาต่อเนื่อง การศึกษาภาคขยาย การศึกษาชุมชน การศึกษาต่อ มูลสารศึกษาและการศึกษาตลอดชีวิตที่มีความหมายเฉพาะ ดังนี้
การศึกษาผู้ใหญ่ (Adult Education) คือ ประสบการณ์การเรียนรู้ทั้งหลายที่จักขึ้นให้แก่ประชนที่พ้นเกณฑ์บังคับตามพระราชบัญญัติประถมศึกษานอกระบบการเรียนในโรงเรียนภาคปกติ
การศึกษาต่อเนื่อง (Continuing Education) เป็นกิจกรรมการศึกษาที่จัดขึ้นสำหรับประชากรที่ได้รับการศึกษาระดับใดระดับหนึ่งหรือในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งและกิจกรรมทางการศึกษาให้บุคคลนั้นสามารถศึกษาต่อเนื่องได้ตามแนวคิดการศึกษาตลอดชีวิต
การศึกษาภาคขยาย (Extension Education) หมายถึง กิจกรรมการศึกษาที่จัดขึ้นเป็นภาคขยายของการการศึกษาในระบบโรงเรียนให้แก่ประชนที่อยู่นอกอาณาบริเวณสถาบันการศึกษา
การศึกษาชุน (Community Education) คือ แนวคิดทางการศึกษาที่มีวัตถุประสงค์ในการกระตุ้นและแนะแนวทางให้ชุมชนช่วยตนเองให้เกิดการพัฒนาชุมชนอย่างสมดุลในทุก ๆ ด้าน
การศึกษาต่อ (Further Education) หมายถึง การศึกษาต่อซึ่งส่วนมากเป็นการศึกษาต่อในระบบโรงเรียน
มูลสารการศึกษา (Fundamental Education ) หมายถึง การศึกษาสายสามัญต่ำสำหรับประเทศที่กำลังพัฒนา
การศึกษาตลอดชีวิต (Lifelong Education) คือ การศึกษาจัดโดยไม่จำกัดเวลาและสถานที่ เป็นการศึกษาที่ต้องเป็นหลักในการจัดการศึกษานอกระบบโรงเรียนให้มากขึ้นโดยไม่คำนึงถึงว่าจะจัดที่ไหน เมื่อไร และอย่างไรเป็นการศึกษาที่ไม่เน้นเฉพาะทางวิชาการเท่านั้น แต่รวมถึงการศึกษาด้านอาชีพการอยู่ดีกินดี การพัฒนาด้านการรักสวยรักงาม การใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจด้วย
จะเห็นได้ว่าลักษณะของการศึกษาในวิธีและรูปแบบต่าง ๆ กับที่กล่าวมาทั้งหมดนี้จัดอยู่ในแนวความคิดของการศึกษาตลอดชีวิตได้ ไม่ว่าจะจัดอย่างมีระบบแผนหรือไม่มีระบบและไม่ว่าจะมีการศึกษาในสถาบันการศึกษาหรือไม่มีสถาบันการศึกษาก็ในตาม จุดเน้นของการศึกษาทั้งหมดจะอยู่ที่การดำรงชีวิตได้อย่างดีสังคมและสามารถสร้างคุณภาพชีวิตได้ด้วยดี ซึ่งเป็นแก่นของการศึกษาตลอดชีวิตนั่นเอง กล่าวคือ การศึกษาไม่อาจอยู่ในกรอบจำกัดแห่งเวลาและสถานบันที่ได้อีกต่อไป นั่นคือ การศึกษาคือการเรียนรู้ไม่ว่าที่ไหน เมื่อไร หรือด้วยวิธีการใด ๆ ก็ได้ จึงถือเป็นกระบวนการต่อเนื่องตั้งแต่มนุษย์เกิดไปจนกระทั่งตาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น